วันจันทร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2560

ตามล่าหารัก ไหว้พระ ขอพร ด้วยเครื่องรางวัดดัง

เครื่องรางความรัก สาเหตุหลักการทัวร์ศาลเจ้าที่ญี่ปุ่น

การไหว้พระเพื่อขอพรความรัก
เป็นความหวังของสาวหลายคน
ทั้งโสด และมีคู่ครอง
ถุงเครื่องรางคู่รัก ต้องจัดมาไว้ในครอบครอง

ถุงเครื่องราง ศาลเจ้าเมจิ

ศาลเจ้าเมจิ ฮาราจูกุ  (Meiji Shrine)  

ขอพรความรัก! กับศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์
ที่มีชื่อเสียงการให้พรเรื่องความรักค่ะ
 ใครที่มีปัญหาด้านความรัก หรือมีความกังวลเรื่องความรัก
มาโตเกียวทั้งที ต้องจัดคะ


นั่งรถไฟไปลงที่สถานีรถไฟHarajuku 
ออกทางประตูOmotesando แล้วเดินตรงไป 
เลี้ยวขวาเจอสะพานชินบะชิ 
และเจอเสาโทริอิขนาดใหญ่ค่ะ เสาไม้ขนาดใหญ่



ทามกลางต้นไม้ใหญ่ ความเย็นสบายของความร่มรื่น
ทำให้ หายๆคนชอบที่จะมา พักผ่อนที่นี้



ถังไวน์ตั้งโชว์ จึงเป็นที่มาของถังไวน์ตั้งโชว์เพื่อระลึกถึงจักรพรรดิเมจิ
เนื่องจากระองค์ทรงโปรดปรานมาก



ถังเหล้าสาเก ที่วางเรียงกันและมีรวดลายสวยงาม

เป็นจุดที่ ต้องหยุด เพื่อถ่ายรูปจริงๆ



การล้างมือเปรียบกันการชำระล้างร่างกายและจิตใจ
ล้างมือซ้ายก่อน แล้วล้างมือขวา
จากนั้นใช้มือขวา จับกระบวย เท่ลงมือซ้ายเอาน้ำมาบ้วนปาก




จุดขายเครื่องราง ด้านหน้า ขวามือ
ก่อนเข้าไปด้านในตัวของศาลเจ้า



ในที่สุดก็ได้มาแล้ว
ถุงเครื่องรางคู่ แบบที่ห้อยพวงกุญแจคู่
ให้โชคด้านความรัก ความสมหวัง เชื่อมหัวใจให้รักกันตลอดเวลา
ทำให้รักกันมากขึ้น และยาวนาน
“เครื่องรางผูกดวง” ที่เป็นคู่ หรือ ”เครื่องรางที่ช่วยให้จิตใจและร่างกายแข็งแรง” 



ธรรมเนียมการไหว้ขอพรศาลเจ้า
การยืนตัวตรง

ให้ยืนตัวตรงตรงหน้าเทวรูป ทำจิตให้สงบนิ่ง แล้วก้าวไปข้างหน้า
 (กรณีที่มีกระดิ่งให้ดึงเชือกเขย่าให้เกิดเสียง) 
จากนั้นโยนเหรียญ ลงในกล่องทำบุญ

การโค้งคำนับ
ยืดหลังให้ตรงแล้วโค้งคำนับให้ลำตัวตั้งฉาก ให้ทำการ โค้ง 2 ครั้ง

การปรบมือ
นำมือทั้ง 2 ข้างประกบเข้าหากัน หลังจากนั้นเลื่อนมือขวาลงเล็กน้อยแล้วปรบมือ 2 ครั้ง

การอธิษฐาน
หลังจากที่ปรบมือ 2 ครั้งเสร็จ ให้พนมมือพร้อมทำจิตให้สงบ แล้วตั้งจิตอธิษฐาน

การคำนับครั้งสุดท้าย
ขั้นตอนสุดท้ายหลังจากที่อธิษฐานเสร็จ ให้ยืดหลังตรง และคำนับอีก 1 ครั้ง เป็นอันเสร็จพิธีการไหว้






ขอพรโดยการถวายออริจินัลเอมะ
การแขวนแผ่นไม้จำนวนมาก ยิ่งคนมาเยอะ แผ่นไม้ก็จะยิ่งเยอะตามไปด้วย
เขียนคําอธิษฐานลงบนหลังแผ่นไม้นี้ ขอพรให้เป็นจริงดังปรารถนา 
โดยแผ่นไม้นี้ เรียกว่า เอมะ





กระดาษเขียนคำอธิษฐาน 
เขียนชื่อที่อยู่ด้วยน่ะคะ
เพราะเช้าอีกวันทางศาลเจ้าจะเอาไปสวดภาวนาให้พรแก้ผู้ขอ
เขียนใส่ซองอธิษฐาน แล้วหย่อยตู้ได้เลยคะ
หน้าเราดูตั้งใจไปน่ะ 555
ขอให้ได้คนรักดีๆ รักจริงมั่นคง เท่านี้ก็พอละ





เซียมซี ขาดไม่ได้ อย่าลืมแวะ
เขย่าๆ ให้ไม่ออกมาค่ะ
ไม่ต้องห่วง เค้ามี คำเซียมซีภาษาอังกฤษให้
แต่ แปลให้เราที เรางง




แถมร้านปิ้งย่างเสียบไม้
ทางเดินออก ศาลเจ้าเมจิ ที่จะมาร้านขายของและอาหารเรียงราย
เนื้อติดมัน นุุ่มกรุบ อร่อยฟินมาก 
ไม้ละ 500 เยน น่ะ ถ้าจะไม่ผิด
............................................................

ศาลเจ้าวัดอาซากุสะ Asakusa Shrine




การเดินทางก็แสนง่าย นั้งรถไฟไปลง Asakusa Station
จะเห็น โตเกียวสกายทรี ระหว่างทางด้วย 
เดินประมาน 5 นาทีก็ถึง






ก่อนเข้าวัดเราเดินสำรวจรอบวัดก่อน 
มีร้านค้าโบราณ ร้านค้าของของฝาก และร้านอาหารค่ะ
ขนมโบราณปิ้งๆ น่าจะทำจากแป้ง เราเดาน่ะ เหมือนชินมัย ป่ะ



จริงๆๆ แล้วมีร้านทาโกะยากิอ่า แต่เราหาร้านไม่เจอ 
ไปเจอร้านซาลาเปาทอดที่อยู่ตอดหน้าวัดเลย
คุณป้าน่ารักมานะ ยินดีให้เราถ่ายรูป แล้วยิ้มน่ารักเลย 





เราเลือกไส้ Custard กรอบนอกนุ่มใน ทอดร้อนๆออกมา 
หวานไม่มากกำลังดี เข้าก่ะอากาศหนาวมากตอนนี้
ยืนกินหน้าร้านนะคะ อย่าเดินกินน้าาา 
อีกหนึ่งอย่างที่ ไม่น่าพลาด คือ ใส่ชุดกิโมโน เดินชิคๆถ่ายนรูป



อิ่มกันแล้ว ก็มีแรงไปขอพรกันละ เข้าไปในวัดกันเถอะ




โคมแดงขนาดใหญ่ แขวนอยู่เป็นสัญลักษณ์ ของที่นี่
ประตูแห่งนี้มีชื่อว่า ประตูคามินาริ (Kaminari-Mon) แปลได้ว่า ประตูสายฟ้า
เขียนเป็นตัวหนังสือ อยู่บน โคมนั้นเอง


กระถางธูป การโบก ควันธูปเข้าหาตัว เชื่อว่าจะทำให้โชคดีกระถางกำยาน การโบกควันกำยานเข้าหาตัวเชื่อว่าจะช่วยให้หายเจ็บป่วย เจ็บป่วยส่วนไหนก็จะโบกควันกำยานไปที่อวัยวะส่วนนั้นแล้วไปชำระล้างร่างกาย ที่บ่อน้ำพุ เหมือนเดิม



เครื่องราง ตัวนี้ เค้าบอกว่าเป็นอันที่รวบรวมความมงคลทุกอย่าง
การงาน ความรัก สุขภาพ เราก็เลยต้องจัด



เครื่องรางความรัก สองชิ้น สำหรับคู่รัก
จะช่วยให้รักกัน รักษาความสัมพันธ์ให้ราบรื่น และสงบสุข
คนมีคู่ๆ ต้องคว้ากลับมาให้ได้ละ




ด้านซ้าย และด้านขวา ของวัดอาซากุสะ
จบปฎิบัติการตามล่าหารักเพียงเท่านี้
ถ้ามีเพิ่มเติมจิมา บอกใหม่ค้าาาา

ติดตาม โพสต์อื่นได้น้าา 

 fb.me/MalongdoBackpacker

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น